14/08/2025
หลังเทศกาลวงโปงลางจบบนหน้าฟีดของดิฉันเต็มไปด้วยฮอยย้อมครามอาจจะมาจากหม้อครามทั้งเมืองสกลเทฮาดหน้าฟีดข่อยละเบ๋อ เลยทำให้อิฉันยังคงฟินกับกลิ่นอายนี้อยู่เลยอยากจะชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับป๊อบคัลเจอร์ในสกลนครสักหน่อย
เอาดีๆ การจะทำให้คนอินจนเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ป๊อบคัลเจอร์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มันกลืนกลายเราแบบไม่รู้ตัวมากกว่านโยบายหรือข้อปฏบัติทางการจากภาครัฐที่ออกระเบียบบังคับใช้ และที่สำคัญในศํกราชนี้ที่คนพูดถึงเศรษฐกิจสร้างสรรค์มากขึ้น มันแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินได้ด้วย
- เกิดที่สกลและโตที่สกล
สกลนครไม่ใช่เมืองใหญ่มากอะไร ดิฉันเกิดและเติบโตจากอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ แต่ตั้งแต่จำความได้คือครอบครัวของดิฉันมี 3 ศาสนารวมกันคือ พุทธ ผีและคริสต์คาทอลิกเรียกได้ว่าตอนเย็นมีเสียงสวดมนต์ทำวัตรแต่เช้าวันอาทิตย์ก็ได้ยินเสียงสวดสรรเสริญพระเจ้าล่องลอยข้ามรั้วบ้านสวนมา ในฐานะคนพื้นที่เราไม่ได้มองว่าแปลกและย้อนไป 10 กว่าปีที่แล้วไม่ได้คิดว่ามันมีมูลค่ามหาศาลประมาณมิได้
- ความป๊อบของป๊อบคัลเจอร์
ภาพยนตร์ท่าแร่ที่กำลังฉายอยู่ ณ ตอนนี้ ได้ลบภาพจำความตลกขบขันของผีในอีสานที่วิ่งลงโอ่ง กลายมาเป็นความน่าสะพรึงกลัวแบบเดียวกับคนในพื้นที่สัมผัสมาตลอดชีวิตซึ่งดิฉันไม่ขอสปอยชื่อปีศาจและผีสางที่ปรากฎในเรื่อง ต้องไปรับชมเอาเอง รวมไปถึงวัฒนธรรมย่อย (Sub-cultures) ที่ปรากฎในชาติพันธุ์ภูไทในเชิงลึกก็ปรากฎในสื่อกระแสหลักไม่ได้รับรู้แค่เพียงคนในกลุ่มก้อนอีกต่อไป
จาก 7 สิงหาคมวันแรกของการเข้าฉายก็มาปะทะกันกับการนำเอาคอนเซปสากลนครของวงโปงลางสินไซ สร้างความตื่นตาตื่นใจทั้งภาคการเมือง อินฟลู และคนในพื้นที่เป็นอย่างมากในการซื้อพื้นที่สื่อในครั้งนี้ ดิฉันเห็นความตื่นเต้นแบบเด็กได้ของเล่นใหม่ที่ซ่านกระเซ็นไปทั่วจังหวัด และข้อสังเกตหลักๆ คือ วัยหนุ่มสาวนั้นรักบ้านเกิดของตัวเองและอยากพัฒนามันให้ถึงที่สุด
- เกี่ยวอะไรกับ มข และภาคการเมือง
ในฐานะสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาแห่งแรกในอีสาน มีความเป็นสื่อในตัวของตัวเอง ซึ่งโมเดลการขยายการรับรู้และพัฒนาพื้นที่อีสานให้เป็นที่รู้จักรวมถึงตั้งคำถามกับระบบไม่ว่าจะเป็นภาคแรงงาน อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม การเมือง มหาวิทยาลัยย่อมมีเสียงที่หนักแน่นกว่ากลุ่มคณะที่ต้องการผลักดัน "สกลนครในป๊อบคัลเจอร์" ปรากฎการณ์ที่ปรากฎขึ้น ณ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากการวางอาหารที่มีความหลากหลายไว้บนโต๊ะอาหาร โดยผู้จัดเสิร์ฟนั้นมาจากกลุ่มคนเพียงหยิบมือ ผู้เลือกรับประทานมีหลากหลาย แต่ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายหรือภาคส่วนที่จะนำเรื่องราวไปพัฒนาต่ออาจจะเลือกรับประทานเพียงหยิบมือ หรืออย่างแย่ที่สุดคือเพิกเฉยให้เน่าเสีย
คำถามคือ สิ่งที่จัดเสิร์ฟนั้นเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสวยงามในแง่ของกายภาพ แต่การนำไปใช้ต่อนั้นค่อนข้างน้อยซึ่งเราไม่เคยตั้งคำถามต่อกับมันอย่างจริงจังว่า ทุนทางวัฒนธรรมเมื่อถูกสร้างสรรค์และซื้อพื้นที่สื่อ แต่มันกลับผ่านไปกับกาลเวลาในปีต่อปีอย่างน่าเสียดายและราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น นอกจากการผลักดันด้วยกันเองของกลุ่มคนที่ต้องการอยากให้ทุนนี้ถูกมองเห็น ในฐานะของมหาวิทยาลัยการชวนตั้งคำถามและผลักดันอย่างยั่งยืนจึงเป็นส่วนสำคัญ สกลนครจึงเป็นเพียงเคสตัวอย่างที่ถ้าหากถูกพัฒนาโมเดลนี้ก็จะถูกนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ได้
ความสำคัญอีกอย่างคือการหยิบยกมาใช้โดยอาศัยมือของผู้เชี่ยวชาญและคนรุ่นใหม่โดยไม่ได้ทำให้การอนุรักษ์เป็นเพียงงานเจ้านายเปิดงานผู้การเปิดป้ายหรือส่งเสริมแบบพูดย้ำๆ ฮาร์ดเซล แต่เป็นการเรียบเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบ รวมถึงมองการณ์ไกลว่าทุนวัฒนธรรมเหล่านี้จะตอบโจทย์คนในชุมชนอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในฐานะที่ภาคการเมือง
และมหาวิทยาลัยเป็นผู้วิจัย พื้นที่สื่อ และผู้ที่มีทรัพยากรอยู่ล้นเหลือ
ไม่เพียงแต่สกลนครพื้นที่ที่ถูกมองเห็นในวันนี้ แต่อีก 20 กว่าจังหวัดและพื้นที่อีกนับไม่ถ้วนที่มีทุนที่ดี พวกเขาพร้อมและกำลังตั้งคำถามรวมถึงรอโอกาสนั้นเช่นกัน